คำถามเรื่องการลงทุน: Difference between revisions
(Created page with "กลับไปยังหน้า การลงทุนของ กบข.") |
No edit summary |
||
Line 1: | Line 1: | ||
[[การลงทุนของ กบข.|กลับไปยังหน้า การลงทุนของ กบข.]] | [[การลงทุนของ กบข.|กลับไปยังหน้า การลงทุนของ กบข.]] | ||
=== '''คำถามเรื่องการลงทุน''' === | |||
'''คำถาม :''' ทำไม กบข.ไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหน่วยลงทุนเหมือนกองทุนอื่น หรือ NAV ที่ กบข.ประกาศในแต่ละวัน ได้รวมค่าธรรมเนียมต่างๆไปแล้ว | |||
และ แยกเป็นค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง เพราะสมาชิกต้องการนำไปใช้เปรียบเทียบกับการซื้อ RMF เพื่อตัดสินใจในการเลือกลงทุน? | |||
'''ตอบ :''' | |||
1. กบข. เป็นกองทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ ไม่สามารถขายหน่วยลงทุนระหว่างทางได้ เหมือนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ กองทุน RMF จึงไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมซื้อ | |||
และค่าธรรมเนียมขาย แต่กองทุนรวมทั่วไป มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทน นักลงทุนสามารถซื้อหรือขายได้ตามต้องการ จึงมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมซื้อและค่าธรรมเนียมขาย | |||
(ตามเงื่อนไขของแต่ละ บลจ.ที่ระบุไว้ใน Fund Fact Sheet) | |||
2. NAV/Unit ที่ กบข. ประกาศในแต่ละวัน คำนวณโดยหักค่าใช้จ่ายต่างๆโดยรวมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์และจัดสรรตามสัดส่วนของแผนลงทุนต่างๆ | |||
ซึ่งเปิดเผยในรายงานประจำปี | |||
3. หากสมาชิกต้องการตัดสินใจเลือกลงทุน โดยเปรียบเทียบกับ RMF ควรตัดสินใจจากนโยบายการลงทุน แต่หากนโยบายใกล้เคียงกันสามารถตัดสินใจได้จากอัตราการเติบโตของราคา NAV/Unit | |||
หรือผลตอบแทนในอดีตเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจได้ค่ะ เพราะราคา NAV/Unit ของทั้ง RMF และ กบข. ต่างก็รวมค่าใช้จ่ายในการบริหารไว้แล้ว และไม่มีค่าธรรมเนียมซื้อขายเหมือนกัน ค | |||
'''คำถาม :''' สมาชิกสอบถาม อยากให้ กบข. ลองเปรียบเทียบ NAV ระหว่าง แผนหุ้น 65 กับ ผสมสัดส่วนเอง หากใช้สัดส่วนการลงทุนเหมือนแผนหุ้น 65 จะได้ NAV เท่ากันหรือไม่ หากไม่เท่ากันเป็นเพราะเหตุใด? | |||
'''ตอบ :''' แผนหุ้น 65 มีนโยบายลงทุนทั้งหุ้นไทยและต่างประเทศ ส่วนที่เหลือกระจายลงทุนหลายหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ | |||
หากผสมสัดส่วนเอง ไม่สามารถทำได้เหมือนทั้งหมด เนื่องจากแผนลงทุนที่มีให้เลือกผสมสัดส่วนเอง บางแผนไม่มีลงทุนในต่างประเทศ และไม่มีสินทรัพย์อื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือ น้ำมัน เป็นต้น | |||
∙ แผนเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น (ไม่มีต่างประเทศ) | |||
∙ แผนตราสารหนี้ (ไม่มีตราสารหนี้ต่างประเทศ) | |||
∙ แผนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย (ไม่มีอสังหารริมทรัพย์ต่างประเทศ) | |||
∙ แผนหุ้นต่างประเทศ | |||
∙ แผนหุ้นไทย | |||
'''คำถาม :''' กบข. มีผู้จัดการกองทุน ที่มีคุณวุฒิอย่างไรบ้าง มี CFA ด้วยไหม? (*คำตอบจากพี่กัญญาหารือกับฝ่ายลงทุน) | |||
'''คำตอบ :''' คุณสมบัติหลักของผู้จัดการกองทุนของ กบข. คือ ต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถในแต่ละสินทรัพย์ที่แต่ละท่านรับผิดชอบ | |||
อีกทั้งทาง กบข. มีการส่งเสริมให้ทางพนักงานลงทุนและพนักงานที่เกี่ยวข้องเข้าอบรมและสอบให้มีคุณวุฒิ เช่น CFA รวมถึงส่งเสริมให้มีใบอนุญาตผู้จัดการกองทุนอีกด้วยค่ะ | |||
'''คำถาม :''' เหตุใด กบข. ถึงไม่ลงทุนในสหกรณ์ (*'''ข้อมูลคำตอบ''' มาจากการปรึกษาพี่ม่ำ ) | |||
'''คำตอบ : '''จากผลการศึกษาถึงโอกาสและความเป็นไปได้ของการลงทุนของ กบข. ในสหกรณ์ มีดังนี้ | |||
1. สหกรณ์ออมทรัพย์ส่วนใหญ่มีสภาพคล่องส่วนเกิน จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินจากแหล่งภายนอก ในขณะที่สหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดเล็กที่ต้องการเงิน | |||
แต่ไม่มีฐานะการเงินที่แข็งแรงพอที่จะออกตราสารการเงินที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) สูงมาเสนอขาย หรือผ่านการพิจารณาด้านเครดิต | |||
2. การที่ กบข. จะลงทุนในหลักทรัพย์ของสหกรณ์ออมทรัพย์หรือให้สหกรณ์ออมทรัพย์กู้เงินได้นั้น กบข. มีขั้นตอนต้องปฏิบัติตามข้อ 5 (3) ของกฎกระทรวง | |||
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2553 ที่กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศให้การลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ถือเป็นหลักทรัพย์ที่ กบข. ลงทุนได้ | |||
และต้องกำหนดด้วยว่าเป็นหลักทรัพย์มั่นคงสูงหรือหลักทรัพย์อื่น | |||
3. กระบวนการตัดสินใจลงทุนของ กบข. มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเรื่องการจัดลำดับความน่าเชื่อ ความมั่งคงของธุรกิจ การจัดชั้นของธุรกิจ และการกำหนดวงเงินลงทุนที่เจน | |||
ซึ่งการลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ ก็จะต้องผ่านกระบวนการเช่นเดียวกับการลงทุนในธุรกิจประเภทอื่นๆ ด้วย | |||
4. โดยที่สหกรณ์ออมทรัพย์มีสภาพคล่องส่วนเกินในระบบอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การที่ กบข. จะเข้าไปลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ อาจเป็นการแทรกแซงกลไกและก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ได้ | |||
'''คำถาม : '''ขอสูตรในการคำนวณ % ค่าใช้จ่ายของกองทุนส่วนสมาชิกต่อมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ และสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี ได้ที่ใด เพื่อคำนวณตามสูตรที่ให้มาและตรวจสอบความถูกต้อง (*คำตอบจากพี่กัญญาหารือกับฝ่ายบัญชี ) | |||
'''ตอบ''' : สูตรในการคำนวณ % ค่าใช้จ่ายของกองทุนส่วนสมาชิกต่อมูลค่าเงินลงทุนสุทธิเท่ากับค่าใช้จ่ายกองทุนส่วนสมาชิกหารด้วยมูลค่าเงินลงทุนสุทธิเฉลี่ย | |||
สำหรับกรณีที่สมาชิกมีความกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องของการคำนวณค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้น กบข. ขอเรียนชี้แจงให้สมาชิกมั่นใจว่า กิจการและงบการเงินของ กบข. ทั้งหมดจะถูกตรวจสอบโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) | |||
และตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา สตง.ในฐานะผู้สอบบัญชีของ กบข. ได้ตรวจสอบแสดงความเห็นต่องบการเงินของ กบข. แบบไม่มีเงื่อนไขทุกปี ซึ่งมีความหมายว่า การดำเนินงานและงบการเงินของ กบข. มีความถูกต้องในสาระสำคัญตามมาตรฐานที่กำหนดไว้แล้ว | |||
'''คำถาม :''' การคิดค่าใช้จ่ายรายแผนการลงทุนเท่ากันทุกแผนการลงทุนหรือไม่ (*คำตอบจากพี่กัญญาหารือกับฝ่ายบัญชี ) | |||
'''ตอบ''' : กบข. มีการคิดค่าใช้จ่ายแต่ละแผนการลงทุนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของหลักทรัพย์และความซับซ้อนของธุรกรรมการลงทุนของหลักทรัพย์ที่ กบข. ลงทุน | |||
โดย กบข. คิดค่าใช้จ่ายจากแต่ละแผนการลงทุนเฉพาะต้นทุนในการบริหารเท่านั้น ไม่ได้มีการคิดกำไรจากการดำเนินงานเหมือนกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) | |||
ดังนั้นค่าใช้จ่ายรายแผนการลงทุนที่บริหารโดย กบข. จึงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายรายแผนการลงทุนที่บริหารโดย บลจ. | |||
'''คำถาม :''' ขอรายละเอียดค่าบริการกองทุนต่างๆ อาทิ ค่าจัดการกองทุนในแผนการออมประเภทต่างๆ ค่าสับเปลี่ยนกอง เป็นต้น (* คำตอบจากพี่กัญญาหารือกับฝ่ายบัญชี ) | |||
'''ตอบ''' : ค่าใช้จ่ายแต่ละแผนการลงทุน ในแต่ละวัน หรือแต่ละเดือน หรือแต่ละปี จะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงและมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ(NAV)ในแต่ละช่วงเวลา เช่น | |||
ค่าธรรมเนียมผู้จัดการกองทุน (Management Fee) หรือค่าธรรมเนียมผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน (Custodian Fee) ซึ่งผันแปรตามมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ (NAV)หรือค่าที่ปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนที่จะแตกต่างกันขึ้นอยู่ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ภูมิรัฐศาสตร์ ฯลฯ ในแต่ละช่วงเวลา โดยรายละเอียดค่าใช้จ่ายแต่ละแผนการลงทุน ปี 2566 ปรากฏตามตารางดังต่อไปนี้ | |||
[[File:98.png|border|center|1097x1097px]] | |||
==== สถานการณ์ลงทุน ==== | |||
ปีนี้ - แผนหลักมีโอกาสติดลบสูง | |||
'''<u>ครึ่งปีแรก</u>''' | |||
ตั้งแต่ต้นปี ถูกกดดันด้วยเงินเฟ้อ ทำให้ทั้งหุ้นและ ตราสารหนี้ ติดลบ | |||
'''<u>ครึ่งปีหลัง</u>''' | |||
ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอย น่าจะไปถึงต้นปีหน้า (เร็วสุดถึงปลายปีนี้) | |||
ทำให้ ตราสารหนี้เริ่มดีขึ้น แต่หุ้นยังคงติดลบอยู่ ถึงต้นปีหน้า | |||
'''<u>ปีหน้า - แผนหลักคาดว่าจะเป็น บวก</u>''' | |||
เนื่องจากเงินเฟ้อขึ้นสูงสุดในปีนี้แล้ว คาดว่าปีหน้าจะชะลออตัวลงทำให้กดดันตราสารหนี้น้อยลง และ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นในปีนี้ ปีหน้าคาดว่าจะฟื้นตัว ถ้าฟื้น หุ้นก็จะดีขึ้นก่อน | |||
‼️‼️‼️ถ้าจะใช้พูดกับสมาชิก อย่าลืม ‼️ คำว่า โอกาส น่าจะ คาดว่า อาจจะ ด้วยนะคะ ….ไม่มีอะไรแน่นอน |
Latest revision as of 08:21, 22 January 2025
กลับไปยังหน้า การลงทุนของ กบข.
คำถามเรื่องการลงทุน
คำถาม : ทำไม กบข.ไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหน่วยลงทุนเหมือนกองทุนอื่น หรือ NAV ที่ กบข.ประกาศในแต่ละวัน ได้รวมค่าธรรมเนียมต่างๆไปแล้ว
และ แยกเป็นค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง เพราะสมาชิกต้องการนำไปใช้เปรียบเทียบกับการซื้อ RMF เพื่อตัดสินใจในการเลือกลงทุน?
ตอบ :
1. กบข. เป็นกองทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ ไม่สามารถขายหน่วยลงทุนระหว่างทางได้ เหมือนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ กองทุน RMF จึงไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมซื้อ
และค่าธรรมเนียมขาย แต่กองทุนรวมทั่วไป มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทน นักลงทุนสามารถซื้อหรือขายได้ตามต้องการ จึงมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมซื้อและค่าธรรมเนียมขาย
(ตามเงื่อนไขของแต่ละ บลจ.ที่ระบุไว้ใน Fund Fact Sheet)
2. NAV/Unit ที่ กบข. ประกาศในแต่ละวัน คำนวณโดยหักค่าใช้จ่ายต่างๆโดยรวมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์และจัดสรรตามสัดส่วนของแผนลงทุนต่างๆ
ซึ่งเปิดเผยในรายงานประจำปี
3. หากสมาชิกต้องการตัดสินใจเลือกลงทุน โดยเปรียบเทียบกับ RMF ควรตัดสินใจจากนโยบายการลงทุน แต่หากนโยบายใกล้เคียงกันสามารถตัดสินใจได้จากอัตราการเติบโตของราคา NAV/Unit
หรือผลตอบแทนในอดีตเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจได้ค่ะ เพราะราคา NAV/Unit ของทั้ง RMF และ กบข. ต่างก็รวมค่าใช้จ่ายในการบริหารไว้แล้ว และไม่มีค่าธรรมเนียมซื้อขายเหมือนกัน ค
คำถาม : สมาชิกสอบถาม อยากให้ กบข. ลองเปรียบเทียบ NAV ระหว่าง แผนหุ้น 65 กับ ผสมสัดส่วนเอง หากใช้สัดส่วนการลงทุนเหมือนแผนหุ้น 65 จะได้ NAV เท่ากันหรือไม่ หากไม่เท่ากันเป็นเพราะเหตุใด?
ตอบ : แผนหุ้น 65 มีนโยบายลงทุนทั้งหุ้นไทยและต่างประเทศ ส่วนที่เหลือกระจายลงทุนหลายหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
หากผสมสัดส่วนเอง ไม่สามารถทำได้เหมือนทั้งหมด เนื่องจากแผนลงทุนที่มีให้เลือกผสมสัดส่วนเอง บางแผนไม่มีลงทุนในต่างประเทศ และไม่มีสินทรัพย์อื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือ น้ำมัน เป็นต้น
∙ แผนเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น (ไม่มีต่างประเทศ)
∙ แผนตราสารหนี้ (ไม่มีตราสารหนี้ต่างประเทศ)
∙ แผนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย (ไม่มีอสังหารริมทรัพย์ต่างประเทศ)
∙ แผนหุ้นต่างประเทศ
∙ แผนหุ้นไทย
คำถาม : กบข. มีผู้จัดการกองทุน ที่มีคุณวุฒิอย่างไรบ้าง มี CFA ด้วยไหม? (*คำตอบจากพี่กัญญาหารือกับฝ่ายลงทุน)
คำตอบ : คุณสมบัติหลักของผู้จัดการกองทุนของ กบข. คือ ต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถในแต่ละสินทรัพย์ที่แต่ละท่านรับผิดชอบ
อีกทั้งทาง กบข. มีการส่งเสริมให้ทางพนักงานลงทุนและพนักงานที่เกี่ยวข้องเข้าอบรมและสอบให้มีคุณวุฒิ เช่น CFA รวมถึงส่งเสริมให้มีใบอนุญาตผู้จัดการกองทุนอีกด้วยค่ะ
คำถาม : เหตุใด กบข. ถึงไม่ลงทุนในสหกรณ์ (*ข้อมูลคำตอบ มาจากการปรึกษาพี่ม่ำ )
คำตอบ : จากผลการศึกษาถึงโอกาสและความเป็นไปได้ของการลงทุนของ กบข. ในสหกรณ์ มีดังนี้
1. สหกรณ์ออมทรัพย์ส่วนใหญ่มีสภาพคล่องส่วนเกิน จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินจากแหล่งภายนอก ในขณะที่สหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดเล็กที่ต้องการเงิน
แต่ไม่มีฐานะการเงินที่แข็งแรงพอที่จะออกตราสารการเงินที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) สูงมาเสนอขาย หรือผ่านการพิจารณาด้านเครดิต
2. การที่ กบข. จะลงทุนในหลักทรัพย์ของสหกรณ์ออมทรัพย์หรือให้สหกรณ์ออมทรัพย์กู้เงินได้นั้น กบข. มีขั้นตอนต้องปฏิบัติตามข้อ 5 (3) ของกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2553 ที่กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศให้การลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ถือเป็นหลักทรัพย์ที่ กบข. ลงทุนได้
และต้องกำหนดด้วยว่าเป็นหลักทรัพย์มั่นคงสูงหรือหลักทรัพย์อื่น
3. กระบวนการตัดสินใจลงทุนของ กบข. มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเรื่องการจัดลำดับความน่าเชื่อ ความมั่งคงของธุรกิจ การจัดชั้นของธุรกิจ และการกำหนดวงเงินลงทุนที่เจน
ซึ่งการลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ ก็จะต้องผ่านกระบวนการเช่นเดียวกับการลงทุนในธุรกิจประเภทอื่นๆ ด้วย
4. โดยที่สหกรณ์ออมทรัพย์มีสภาพคล่องส่วนเกินในระบบอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การที่ กบข. จะเข้าไปลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ อาจเป็นการแทรกแซงกลไกและก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ได้
คำถาม : ขอสูตรในการคำนวณ % ค่าใช้จ่ายของกองทุนส่วนสมาชิกต่อมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ และสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี ได้ที่ใด เพื่อคำนวณตามสูตรที่ให้มาและตรวจสอบความถูกต้อง (*คำตอบจากพี่กัญญาหารือกับฝ่ายบัญชี )
ตอบ : สูตรในการคำนวณ % ค่าใช้จ่ายของกองทุนส่วนสมาชิกต่อมูลค่าเงินลงทุนสุทธิเท่ากับค่าใช้จ่ายกองทุนส่วนสมาชิกหารด้วยมูลค่าเงินลงทุนสุทธิเฉลี่ย
สำหรับกรณีที่สมาชิกมีความกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องของการคำนวณค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้น กบข. ขอเรียนชี้แจงให้สมาชิกมั่นใจว่า กิจการและงบการเงินของ กบข. ทั้งหมดจะถูกตรวจสอบโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
และตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา สตง.ในฐานะผู้สอบบัญชีของ กบข. ได้ตรวจสอบแสดงความเห็นต่องบการเงินของ กบข. แบบไม่มีเงื่อนไขทุกปี ซึ่งมีความหมายว่า การดำเนินงานและงบการเงินของ กบข. มีความถูกต้องในสาระสำคัญตามมาตรฐานที่กำหนดไว้แล้ว
คำถาม : การคิดค่าใช้จ่ายรายแผนการลงทุนเท่ากันทุกแผนการลงทุนหรือไม่ (*คำตอบจากพี่กัญญาหารือกับฝ่ายบัญชี )
ตอบ : กบข. มีการคิดค่าใช้จ่ายแต่ละแผนการลงทุนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของหลักทรัพย์และความซับซ้อนของธุรกรรมการลงทุนของหลักทรัพย์ที่ กบข. ลงทุน
โดย กบข. คิดค่าใช้จ่ายจากแต่ละแผนการลงทุนเฉพาะต้นทุนในการบริหารเท่านั้น ไม่ได้มีการคิดกำไรจากการดำเนินงานเหมือนกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)
ดังนั้นค่าใช้จ่ายรายแผนการลงทุนที่บริหารโดย กบข. จึงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายรายแผนการลงทุนที่บริหารโดย บลจ.
คำถาม : ขอรายละเอียดค่าบริการกองทุนต่างๆ อาทิ ค่าจัดการกองทุนในแผนการออมประเภทต่างๆ ค่าสับเปลี่ยนกอง เป็นต้น (* คำตอบจากพี่กัญญาหารือกับฝ่ายบัญชี )
ตอบ : ค่าใช้จ่ายแต่ละแผนการลงทุน ในแต่ละวัน หรือแต่ละเดือน หรือแต่ละปี จะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงและมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ(NAV)ในแต่ละช่วงเวลา เช่น
ค่าธรรมเนียมผู้จัดการกองทุน (Management Fee) หรือค่าธรรมเนียมผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน (Custodian Fee) ซึ่งผันแปรตามมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ (NAV)หรือค่าที่ปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนที่จะแตกต่างกันขึ้นอยู่ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ภูมิรัฐศาสตร์ ฯลฯ ในแต่ละช่วงเวลา โดยรายละเอียดค่าใช้จ่ายแต่ละแผนการลงทุน ปี 2566 ปรากฏตามตารางดังต่อไปนี้
สถานการณ์ลงทุน
ปีนี้ - แผนหลักมีโอกาสติดลบสูง
ครึ่งปีแรก
ตั้งแต่ต้นปี ถูกกดดันด้วยเงินเฟ้อ ทำให้ทั้งหุ้นและ ตราสารหนี้ ติดลบ
ครึ่งปีหลัง
ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอย น่าจะไปถึงต้นปีหน้า (เร็วสุดถึงปลายปีนี้)
ทำให้ ตราสารหนี้เริ่มดีขึ้น แต่หุ้นยังคงติดลบอยู่ ถึงต้นปีหน้า
ปีหน้า - แผนหลักคาดว่าจะเป็น บวก
เนื่องจากเงินเฟ้อขึ้นสูงสุดในปีนี้แล้ว คาดว่าปีหน้าจะชะลออตัวลงทำให้กดดันตราสารหนี้น้อยลง และ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นในปีนี้ ปีหน้าคาดว่าจะฟื้นตัว ถ้าฟื้น หุ้นก็จะดีขึ้นก่อน
‼️‼️‼️ถ้าจะใช้พูดกับสมาชิก อย่าลืม ‼️ คำว่า โอกาส น่าจะ คาดว่า อาจจะ ด้วยนะคะ ….ไม่มีอะไรแน่นอน