การแก้ไขกฎหมาย
กลับไปยังหน้า กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (GPF)
>> การแก้ไขกฎหมาย
การแก้ไขกฎหมาย กบข. โดยมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 20 มีนาคม 2566 ดังนี้
1. การออมเพิ่ม กับ กบข. ได้สูงสุด 27% : เริ่มใช้ 20 มี.ค.2566
2. เงินประเดิม (ถ้ามี) และ เงินชดเชย สามารถเปลี่ยนแผนได้ : เริ่มใช้ 20 มี.ค.2566
3. สมาชิกบรรจุใหม่ หากไม่เลือกแผนจะลงทุนในแผนสมดุลตามอายุ : เริ่มใช้ 20 มี.ค.2566
4. โอนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ กบข. บริหารได้ : เริ่มใช้ 10 พ.ค.2566
5. ผู้ออมต่อสามารถเลือกแผนได้ : เริ่มใช้ 10 พ.ค.2566
>>> แผนสมดุลตามอายุ :
เปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนใหม่ มีผลวันที่ 11 มี.ค.2566
ตามประกาศคณะกรรมการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดให้มีแผนการลงทุน การเลือกแผนการลงทุน การให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาเลือกแผนการลงทุน และการเปลี่ยนแผนการลงทุน พ.ศ. 2566
>>> เพิ่มแผนการลงทุน "แผนวายุภักษ์" :
แจ้งความประสงค์ ตั้งแต่ 19 ก.ย.-27 ก.ย.67 มีผล 1 ต.ค.67
ตามประกาศคณะกรรมการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดให้มีแผนการลงทุน การเลือกแผนการลงทุน การให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาเลือกแผนการลงทุน และการเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567
>>> แก้ไขเพิ่มเติมนโยบายและสัดส่วนการลงทุนของแผนทองคำ เป็น 25% : มีผลตั้งแต่ 12 ธ.ค.67
รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดให้มีแผนการลงทุน การเลือกแผนการลงทุน การให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาเลือกแผนการลงทุน และการเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุน เพื่อจัดให้มีแผนการลงทุนตามหลักชะรีอะฮ์เพิ่ม
ตามประกาศคณะกรรมการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดให้มีแผนการลงทุน การเลือกแผนการลงทุน การให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาเลือกแผนการลงทุน และการเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2567
-----------------------------
ข้อมูลเก่า ณ ปี 2561
update: ความคืบหน้าแก้ไขกฎหมายออมเพิ่ม ขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แล้วจึงเสนอกลับไปขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งอาจต้องรอเรื่องเข้า ครม. ประมาณ 1 เดือน เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว ก็จะส่งไปสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ถ้า สนช. เห็นชอบ ก็จะเสนอพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยต่อไป
-----------------------------------------------------------
การแก้ไขกฎหมายมี 8 ประเด็น ดังนี้
1. การขอแก้ไขให้ กบข. สามารถ รับโอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีการออกจากงานหรือการชราภาพมาบริหารได้ตามความประสงค์ของสมาชิก
2. ให้สมาชิกสามารถส่งเงินสะสมได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินเดือน
3. ให้สมาชิกที่เกษียณอายุเกินกว่า 60 ปีบริบูรณ์มีสิทธิขอรับเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์ตอบแทนของเงินดังกล่าวได้ก่อนเมื่อสิ้นปีงบประมาณที่ผู้นั้นมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
4. สมาชิกที่สิ้นสุดสมาชิกภาพและฝากเงินให้กองทุนบริหารต่อหรือขอทยอยรับเงินมีสิทธิเลือกแผนการลงทุนที่กองทุนจัดให้
5. ให้กองทุนขยายขอบเขตการลงทุนของเงินสำรองได้มากขึ้น
6. เปิดโอกาสให้สมาชิกเลือกแผนการลงทุนได้หลากหลายมากขึ้น แต่อย่างน้อยกองทุนต้องจัดให้มีแผนการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่ตำกว่าร้อยละหกสิบด้วย และสมาชิกสามารถเลือกแผนการลงทุนได้ทั้งส่วนของเงินสะสม เงินสมทบ เงินประเดิม เงินชดเชย และผลประโยชน์ตอบแทนของเงินดังกล่าว
7. ในกรณีที่สมาชิกไม่ได้เลือกแผนการลงทุนใด จะถือว่าสมาชิกยินยอมให้กองทุนจัดแผนการลงทุนที่กำหนดให้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเหมาะสมกับช่วงอายุของสมาชิก (แผนสมดุลตามอายุ) แต่ข้อกำหนดนี้ไม่มีผลกระทบกับแผนการลงทุนที่สมาชิกลงทุนอยู่เดิมก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
8. แก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 รองรับการลงทุนจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมจำกัด (บลจ.) รับบริหารเงินลงทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) และกองทุนภาครัฐอื่น
ความคืบหน้าล่าสุด
วันอังคารที่ 24 เมษายน 2561 ร่างกฎหมาย กบข. เข้าที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการ ซึ่งปรากฏว่า ครม. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการทุกประเด็นที่เสนอ
ขั้นตอนต่อไป คือ ส่งร่าง กฎหมาย กบข. ไปให้ สนง. คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป