ประกันออมทรัพย์
คำอธิบาย
ทำเรื่องออมให้เป็นเรื่องง่าย เพียงเปรียบเทียบประกันออมทรัพย์ที่ดีที่สุดที่ gettgo
เริ่มต้นวินัยทางการเงิน สร้างเงินออมแบบเป็นก้อนได้ง่าย ๆ ด้วยแพลตฟอร์มเปรียบเทียบประกันออมทรัพย์ที่ดีที่สุดจาก gettgo ให้คุณเลือกประกันเงินออมที่ตรงกับทุกเป้าหมายทางการเงิน แบบเลือกผลตอบแทนที่คุ้มค่าเองได้ พร้อมคู่ไปกับความคุ้มครองชีวิตให้อุ่นใจ และช่วยลดหย่อนภาษีให้คุณได้อีกต่อ
ประกันออมทรัพย์ คืออะไร ?
ประกันออมทรัพย์ คือหนึ่งในรูปแบบประกันชีวิตที่บริษัทประกันจะจ่ายคืนจำนวนเงินเอาประกันภัยในจำนวนที่ตกลงไว้ให้กับผู้ทำประกันเมื่อมีชีวิตอยู่ครบตามกำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัยให้กับ ผู้รับผลประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาเอาประกันภัย
ด้วยรูปแบบการประกันเช่นนี้ ทำให้ผู้ทำประกันออมทรัพย์สามารถได้ผลประโยชน์ 2 ต่อ นั่นก็คือ ต่อแรก ผลตอบแทนระหว่างมีชีวิตที่บริษัทประกันจะจ่ายคืนให้ตามสัญญาที่เข้ามาช่วยในเรื่องการออมเงินให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเมื่อครบกำหนดสัญญา และต่อที่สองผลประโยชน์หากเสียชีวิตนั้นเองครับ
ประกันออมทรัพย์ แตกต่างจากการออมรูปแบบอื่น ๆ ยังไง ?
ประกันเงินออม ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีส่วนผสมของรูปแบบการออมทรัพย์ควบคู่ไปกับการประกันชีวิต ซึ่งเป็นลักษณะของผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบพิเศษที่การออมรูปแบบอื่นไม่มี
โดยถ้าหากเทียบประกันเงินออมกับการฝากออมทรัพย์กับธนาคารทั่วไปแล้ว การออมทรัพย์กับธนาคาร แม้ว่าจะมีความยืดหยุ่นสูง โดยคุณสามารถฝากและถอนเงินออกมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนที่ได้ก็จะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนดในแต่ละช่วงเวลา และดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันก็ไม่ได้สูงนัก
เมื่อเทียบกันกับประกันออมทรัพย์ ที่แม้ว่าจะไม่ได้มีความยืดหยุ่นสูงเท่า แต่ก่อนที่จะตกลงทำสัญญาประกัน คุณก็สามารถเลือกแผนประกันที่มีระยะการจ่ายเบี้ยและผลประโยชน์ที่เหมาะสมกับคุณได้เอง ทำให้คุณสามารถวางแผนการออมได้อย่างแม่นยำและคำนวณผลตอบแทนในระยะเวลาที่ต้องการได้ยิ่งกว่า
นอกจากนี้แล้ว ประกันประเภทนี้ยังถือเป็นหนึ่งในประเภทประกันลดหย่อนภาษี ที่สามารถยื่นภาษีร่วมกับรายการลดหย่อนอื่น ๆ ได้อีกด้วยครับ
ประกันออมทรัพย์ เพิ่มพูนผลตอบแทนให้คุณได้อย่างไร ?
ประกันเงินออมโดยส่วนใหญ่แล้ว มักมีข้อเสนอในการเพิ่มพูนผลตอบแทนให้คุณด้วยเงื่อนไขในการจ่ายเบี้ยประกันและการจ่ายผลตอบแทนกลับคืน ดังนี้ครับ
- จ่ายคืนผลตอบแทนทุกปีระหว่างที่ทำประกัน โดยประกันเงินออมส่วนใหญ่มักมีข้อเสนอที่จะจ่ายคืนผลตอบแทนให้คุณเป็นรายงวดทุกปี เป็นจำนวนร้อยละของทุนประกันภัยตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
- ได้เงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา โดยคิดเป็นร้อยละของทุนประกันภัยตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ซึ่งโดยส่วนมากจะกำหนดให้คืนเงินเมื่อครบกำหนดสัญญาเป็นมูลค่าที่มากกว่าเบี้ยประกันภัยทั้งหมดที่ชำระไป จึงเป็นการเพิ่มพูนผลตอบแทนให้คุณได้อย่างคุ้มค่า
- ได้ผลตอบแทนกรณีเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา หากผู้เอาประกันเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา ก็จะได้ความคุ้มครองชีวิตเป็นจำนวนเท่ากับหรือมากกว่าทุนประกันที่ตกลงไว้ และในช่วงระหว่างมีชีวิต ก็จะได้ผลตอบแทนรายงวดทุกปีตามข้อกำหนดในกรมธรรม์ ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมเพิ่มพูนจากเบี้ยประกันภัยที่จ่ายไปทั้งหมดในอัตราที่สูง เป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตส่งต่อให้กับผู้ที่รับผลประโยชน์และคนที่คุณรัก
ประกันออมทรัพย์ คิดระยะเวลาชำระเบี้ยประกันอย่างไร ?
ประกันเงินออม จะมีระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยได้ทั้งแบบที่ระยะเวลาการจ่ายเบี้ยประกันเท่ากับระยะเวลาคุ้มครอง หรือแบบที่ระยะเวลาการจ่ายเบี้ยประกันต่างจากระยะเวลาคุ้มครองก็ได้
ตัวอย่างเช่น ถ้าประกันออมเงินนั้น ๆ กำหนดให้จ่ายเบี้ยประกัน 10 ปี และคุ้มครอง 10 ปี จะเรียกว่าแผนประกันเงินออมแบบ 10/10 ก็เท่ากับว่า มีระยะการชำระเบี้ยและระยะเวลาคุ้มครองที่เท่ากัน ทำให้ผู้ซื้อประกันได้เงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา เมื่อครบ 10 ปีหลังจากเริ่มทำประกัน
แต่ถ้าประกันออมเงินนั้น ๆ กำหนดให้จ่ายเบี้ย 10 ปี ได้ความคุ้มครอง 15 ปี ก็จะเรียกว่าแผนประกันออมทรัพย์แบบ 15/10 นั่นหมายความว่า ระยะเวลาของสัญญาที่จะคุ้มครองทั้งหมดเท่ากับ 15 ปี และคุณต้องจ่ายเบี้ยประกันในระยะเวลา 10 ปีแรก ส่วนใน 5 ปีที่เหลือก็ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกัน แต่ยังคงได้ความคุ้มครองชีวิตจนครบกำหนดสัญญานั่นเองครับ
ทำประกันออมทรัพย์ มีสิทธิ์ลดหย่อนภาษีอย่างไรบ้าง ?
จากข้อกำหนดของรัฐ ผู้ที่ทำประกันเงินออม อันเป็นหนึ่งในรูปแบบของประกันลดหย่อนภาษี สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายในแต่ละปีไปลดหย่อนในการคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทเลยทีเดียวครับ
ประกันออมทรัพย์ แตกต่างจากประกัน Unit Link และ Universal Life อย่างไร ?
โดยปกติแล้ว บริษัทประกันจะแบ่งเบี้ยประกันที่เราจ่ายไปออกเป็น 3 ส่วน นั่นก็คือ ส่วนต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท ส่วนความคุ้มครอง และส่วนเงินออมหรือเงินลงทุน
สำหรับประกันออมทรัพย์ จะเน้นไปที่ส่วนของเงินออมและการลงทุนมากที่สุด ทำให้มีสัดส่วนความคุ้มครองที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับประกันประเภทอื่นๆ และเบี้ยที่เราจ่ายให้บริษัทประกันก็จะถูกนำไปจัดสรรโดยบริษัททั้งหมด ผู้ซื้อประกันจะไม่มีสิทธิ์ปรับเพิ่มหรือลดในสัดส่วนของการลงทุนจากเบี้ยประกันที่เราชำระไปครับ
นอกจากนี้ ก็ยังมีประกันชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นประกันชีวิตควบคู่ไปกับการลงทุน โดยแบ่งได้เป็น 2 ประเภทนั่นก็คือ ประกันชีวิต Universal Life และประกันชีวิต Unit Link
ประกันชีวิตแบบ Universal Life หรือ Flexible Premium Adjustable Life จะนำเบี้ยประกันที่เราจ่ายไป ไปซื้อความคุ้มครองและอีกส่วนนึงก็จะนำไปลงทุน โดยผู้ซื้อประกันสามารถปรับเพิ่มหรือลดทั้งในส่วนของความคุ้มครองและส่วนของการลงทุนได้เอง และบริษัทประกันจะเป็นผู้บริหารการลงทุน โดยในกรณีเสียชีวิต ก็จะได้รับทุนประกันในขณะนั้นและได้รับมูลค่าเงินสดในส่วนของการลงทุนเพิ่มอีกด้วย แต่ถ้าหากมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา ผลประโยชน์ที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับผลตอบแทนการลงทุน แต่ก็จะมีการรับรองผลตอบแทนขั้นต่ำเอาไว้ครับ
ส่วนในประกันชีวิตแบบ Unit Link จะคล้ายคลึงกับประกันแบบ Universal Life เป็นอย่างมาก แต่ผู้ทำประกันสามารถกำหนดได้เองว่าเงินที่ต้องการจะนำไปลงทุนจะนำไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใด ทำให้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ผลตอบแทนจะเกิดการผันผวนเพราะต้องบริหารการลงทุนเองครับ
เลือกยังไงให้ได้ประกันออมทรัพย์ดีที่สุดสำหรับคุณ ?
เพราะแต่ละคนก็มีเงื่อนไขในชีวิตและการเงินที่แตกต่างกันไปในการซื้อประกัน ทำให้ไม่มีประกันเงินออมตัวไหนเป็นประกันที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่คุณก็สามารถเลือกประกันออมเงินที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเองได้ ด้วยการเข้าใจความต้องการและเป้าหมายในการออมเงินของตัวเองให้ทะลุปรุโปร่ง โดยจะมีปัจจัยในการเลือกประกันเงินออมอยู่ 3 ปัจจัย ดังนี้ครับ:
- ระยะเวลาที่สามารถจ่ายเบี้ยประกัน โดยดูว่าความมั่นคงทางการเงินของคุณในปัจจุบันสามารถจ่ายเบี้ยประกันได้เป็นระยะเวลาสั้นหรือยาว โดยยิ่งคุณสามารถจ่ายเบี้ยประกันได้เป็นระยะเวลายาว ก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในระยะยาวครับ
- การได้ผลตอบแทนระหว่างปี โดยประกันออมเงินก็มีทั้งแบบที่ให้ผลตอบแทนระหว่างปีและแบบที่ให้ผลตอบแทนในคราวเดียวตอนครบกำหนดสัญญา ถ้าหากคุณเล็งเห็นว่า การได้ผลตอบแทนระหว่างปีจะเข้ามาช่วยเรื่องสภาพคล่องให้การเงินของคุณได้บ้าง ก็สามารถเลือกทำประกันออมทรัพย์แบบมีผลตอบแทนระหว่างปีได้ซึ่งค่าเบี้ยก็อาจจะสูงขึ้น แต่ถ้าหากคุณไม่เห็นความจำเป็นที่จะได้ผลตอบแทนระหว่างปี ก็สามารถเลือกประกันออมทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนระหว่างปีซึ่งอาจมีค่าเบี้ยที่ถูกกว่าได้เช่นกันครับ
- ความคุ้มค่าของผลตอบแทนเมื่อครบกำหนดสัญญา โดยมักคิดเป็นจำนวนร้อยละของทุนประกัน เราแนะนำให้คุณคำนวณความคุ้มค่าของผลตอบแทนระหว่างจำนวนค่าเบี้ยที่จ่ายไปทั้งหมด เทียบกับผลตอบแทนทั้งหมดที่ได้ อันรวมไปถึงผลตอบแทนระหว่างปีและเงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญาหรือความคุ้มครองชีวิต จะทำให้เห็นภาพมากกว่าการเปรียบเทียบเป็นจำนวนร้อยละของทุนประกันเพียงอย่างเดียวครับ