ยอดเงินลด
กลับไปยังหน้า กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (GPF)
>> แนวทางการตอบคำถาม ยอดเงินลด
1. ทำการแจ้งข้อมูลเบื้องต้นให้สมาชิกทราบ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่กระทบต่อมูลค่าต่อหน่วย
ยอดเงินลดลงเกิดจากมูลค่าต่อหน่วย (NAV/Unit) ของแผนการลงทุนลดลง สาเหตุจากปัจจัยดังนี้
1. การใช้นโยบายการเงินของธนาคารกลางของประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเฉพาะสหรัฐฯ เช่น การลดดอกเบี้ยนโยบาย
2. เงินเฟ้อ
3. ค่าเงิน
4. ความขัดแย้งตะวันออกกลาง
ส่งผลทำให้การลงทุนในสินทรัพย์มีความผันผวนระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ ตราสารทุน สินค้าโภคภัณฑ์ ที่ลงทุนในต่างประเทศ ได้รับผลกระทบส่งผลให้มูลค่าต่อหน่วย (NAV) ปรับลดลงได้ในระยะส้้น แต่ส่วนที่ลดลงเป็นยอดเงินในส่วนของผลประโยชน์ ทั้งนี้ทีมผู้จัดการกองทุนได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีการปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุน
เมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย หรือมีปัจจัยที่มาสนับสนุนการลงทุน ที่จะส่งผลให้มูลค่าต่อหน่วย (NAV) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ยอดเงินผลประโยชน์ของสมาชิกก็ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งสมาชิกสามารถตรวจสอบมูลค่าต่อหน่วยตามแผนการลงทุน ได้ที่นี่ https://bit.ly/3FiM2RU
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสามารถนัดหมายเพื่อปรึกษาเจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลการเงิน กบข. เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://res.gpf.or.th/survey/?_f=6c1b3fa3-b45c-42b3-a608-58aa3967ade3&vfy=MTg3
2. แนวทางการตอบ ยอดเงินลด สำหรับสมาชิกที่จะเกษียณ : แนะนำสมาชิก 2 ทางเลือก คือ
กรณียังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน
สมาชิกสามารถเลือกออมต่อกับ กบข. เพื่อรอจังหวะให้มูลค่าต่อหน่วยปรับตัวขึ้น โดยอยู่แผนการลงทุนเดิมเพื่อรอสถานการณ์คลี่คลาย แต่มีความเสี่ยงที่จะเห็นยอดเงินมีการปรับตัวลดลง
กรณีมีความจำเป็นต้องใช้เงิน
- สมาชิกที่รับความผันผวนได้ให้อยู่แผนการลงทุนเดิมเพื่อรอสถานการณ์คลี่คลายแต่มีความเสี่ยงที่จะเห็นยอดเงินมีการปรับตัวลดลง
- สมาชิกที่รับความผันผวนไม่ได้ อาจพิจารณาปรับเป็นแผนความเสี่ยงต่ำ เช่น แผนเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อลดความผันผวนของยอดเงินที่สะสมมานับแต่เป็นสมาชิก กบข. แต่เมื่อสมาชิกเปลี่ยนแผนแล้ว กบข. จะขายหน่วยในราคาปัจจุบัน ซึ่งเป็นราคาที่ปรับลดลงมาจากสิ้นปีที่ผ่านมาหรือวันก่อนหน้า และอาจเสียโอกาสที่จะได้รับเงินมากขึ้นถ้ามูลค่าต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้นค่ะ
3. กรณีสอบถามว่าบริหารอย่างไรให้ขาดทุน
จากปัจจัยท้าทายด้านการลงทุนที่กระทบกับการลงทุนทั่วโลก ผู้จัดการกองทุนของ กบข. ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและดำเนินการภายใต้กรอบนโยบายการลงทุนและ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างระมัดระวัง โดยลดความเสี่ยงในระยะสั้นและมุ่งหวังผลตอบแทนในระยะยาว อย่างเช่น
1. ลดอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้
2. ลดการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ
3. เลือกใช้ตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยง
และยังมีผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญจาก บลจ. ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงมีคณะอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกำกับดูแลด้านการลงทุนค่ะแม้ว่าปีนี้ กบข. อาจจะขาดทุน
แต่สมาชิกยังไม่ขาดทุนเงินต้น ยอดที่ลดจะทำให้ผลประโยชน์สะสมลดลง และที่สำคัญจำนวนหน่วยไม่ได้หายไปไหน เมื่อสถานการณ์คลี่คลายมูลค่าต่อหน่วย (NAV/Unit)
กลับมาเพิ่มขึ้น เมื่อคูณกับจำนวนหน่วย ยอดเงินของสมาชิกก็กลับมาเพิ่มขึ้นได้ เหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 51
หากสมาชิกต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถแจ้งชื่อ สกุล และเบอร์ติดต่อกลับให้แอดมินทาง Inbox เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลทางการเงินแจ้งรายละเอียดโดยตรงได้ค่ะ
4. กรณีสมาชิกแจ้งว่าผลประกอบการไม่ดี
ตั้งแต่ปี 2540 - 2564 กบข. บริหารผลตอบแทนของแผนหลักได้เฉลี่ย 6.18% ต่อปี ซึ่งผลตอบแทนในแต่ละปี กบข. ได้มากน้อยไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในแต่ละปี
โดยมีเพียงปี 2551 ที่ขาดทุนเนื่องจากเกิดวิกฤตการเงินที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ผลตอบก็กลับมาเป็นบวกและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาการลงทุนในระยะสั้นมีความผันผวนแต่ในระยะยาว มูลค่าต่อหน่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สมาชิกสามารถดูผลตอบแทนและมูลค่าต่อหน่วยของแผนหลักย้อนหลังได้ที่ลิงก์นี้ https://shorturl.asia/4aP1A
จนกระทั่งในปี 2565 ที่ขาดทุนจากปัจจัยท้าทายหลายปัจจัย ทำให้มูลค่าต่อหน่วยลดลงเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 แต่ทั้งนี้เงินส่วนที่ลดนั้น ลดในส่วนของผลประโยชน์สะสม โดยยังไม่กระทบกับเงินต้นส่วนของสมาชิกและส่วนต้นที่รัฐสมทบ
หากสถานการณ์ต่างๆคลี่คลาย ราคาสินทรัพย์ในตลาดเงินและตลาดทุนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น มูลค่าต่อหน่วยก็จะเพิ่มขึ้น ยอดเงินของสมาชิกก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย คล้ายกับในอดีตที่ผ่านมาค่ะ